ประวัติความเป็นมาของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุราษฎร์ธานี

          วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุราษฎร์ธานี เป็นสถาบันสังกัดคณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข มีพัฒนาการเริ่มต้นมาจาก โรงเรียนผู้ช่วยพยาบาล เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนพยาบาลในพื้นที่ โดยใช้วิธีรับคนในพื้นที่เข้ามาเป็นนักศึกษา เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วให้กลับไปทำงานในพื้นที่

เดิม เปิดดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๓ ในหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาลและผดุงครรภ์ เวลาเรียน ๑ ปี ๖ เดือน โดยรับผู้ที่มีพื้นฐาน ม. ๖ หรือ ม.ศ. ๓ เดิม สำเร็จแล้วได้รับประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาลและผดุงครรภ์

          พ.ศ. ๒๕๑๘ โอนไปสังกัดกองงานวิทยาลัยพยาบาล สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข แต่การจัดการศึกษายังเป็นหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาลและผดุงครรภ์

          พ.ศ. ๒๕๒๓ เปลี่ยนชื่อเป็นวิทยาลัยพยาบาลสุราษฎร์ธานี เปลี่ยนหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาลและผดุงครรภ์ เป็นหลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลและผดุงครรภ์  เวลาเรียน ๒ ปี โดยรับผู้ที่มีพื้นฐาน ม. ๖ หรือม.ศ. ๕ สำเร็จแล้วได้รับประกาศนียบัตรพยาบาลและผดุงครรภ์

          พ.ศ. ๒๕๒๘ ได้รับอนุมัติให้จัดการศึกษาพยาบาลระดับเทียบเท่าปริญญาตรีหลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลศาสตร์และผดุงครรภ์ เวลาศึกษา ๔ ปี โดยรับผู้ที่มีพื้นฐาน ม. ๖ หรือ ม.ศ. ๕ สำเร็จแล้วได้รับประกาศนียบัตรพยาบาลและผดุงครรภ์ชั้น ๑ และหลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลและผดุงครรภ์ (เฉพาะกาล) เวลาศึกษา ๒ ปี โดยรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาผดุงครรภ์และอนามัย ผู้ช่วยพยาบาลและ ผดุงครรภ์ที่มีประสบการณ์อย่างน้อย ๒ ปี เมื่อสำเร็จแล้วได้รับประกาศนียบัตรพยาบาลและผดุงครรภ์

          พ.ศ. ๒๕๓๐ กองงานวิทยาลัยพยาบาล ได้ปรับเปลี่ยนหลักสูตรวิชาการพยาบาลและผดุงครรภ์ทุกหลักสูตรเป็นหลักสูตรที่เน้นชุมชนเพื่อคุณภาพชีวิต วิทยาลัยจึงใช้หลักสูตรเน้นชุมชนเพื่อคุณภาพชีวิต และเปลี่ยนชื่อหลักสูตรดังนี้หลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลและผดุงครรภ์ เป็นหลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลศาสตร์ หลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลและผดุงครรภ์ และหลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลและผดุงครรภ์ (เฉพาะกาล) เป็นหลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลศาสตร์ ระดับต้น

          พ.ศ. ๒๕๓๗ กระทรวงสาธารณสุข ได้ปรับปรุงโครงสร้างโดยรวมกองงานวิทยาลัยพยาบาล และกองฝึกอบรมเข้าด้วยกัน และเปลี่ยนชื่อเป็นสถาบันพัฒนากำลังคนด้านสาธารณสุข พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อวิทยาลัยพยาบาล ว่า วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุราษฎร์ธานี”

          พ.ศ. ๒๕๓๘ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระนามาภิไธยของสมเด็จพระบรมราชชนก เปลี่ยนชื่อสถาบันพัฒนากำลังคนด้านสาธารณสุขเป็น “สถาบันพระบรมราชชนก”

          พ.ศ. ๒๕๓๙ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุราษฎร์ธานี ปิดรับนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตร์ระดับต้น(เฉพาะกาล)

พ.ศ. ๒๕๔๑ เข้าร่วมเป็นสถาบันสมทบของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และได้รับการอนุมัติปริญญาบัตร ให้ผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลศาสตร์ (หลักสูตร ๔ ปี) ที่สำเร็จการศึกษาตั้งแต่ ปีการศึกษา ๒๕๔๑

 พ.ศ. ๒๕๔๒ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุราษฎร์ธานี เปิดรับนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลศาสตร์ (ต่อเนื่อง ๒ ปี) และปิดรับสมัครนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลศาสตร์ ระดับต้นStrategic Plan Boromarajonani College of Nursing Surat Thani fiscal year 2024-2026

          พ.ศ. ๒๕๔๔ ผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลศาสตร์ (ต่อเนื่อง ๒ ปี) ได้รับอนุมัติปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

          พ.ศ. ๒๕๔๙ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุราษฎร์ธานี ปิดรับนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลศาสตร์ (ต่อเนื่อง ๒ ปี)

พ.ศ. ๒๕๖๒ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ์ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตราพระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามมาตรา ๔ ให้สถาบันพระบรมราชชนกเป็นสถาบันอุดมศึกษาเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพที่จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาตามกฎหมายว่าด้วย

การศึกษาแห่งชาติ มีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ อยู่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และตามมาตรา ๕ วรรคสอง ให้วิทยาลัยในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนกสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตามบัญชีรายชื่อวิทยาลัยท้ายพระราชบัญญัติ มีฐานะเป็นวิทยาลัยตามพระราชบัญญัตินี้จากประวัติความเป็นมาของวิทยาลัยแสดงถึงการปรับปรุงและพัฒนาการศึกษาตลอดระยะเวลา และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของวิทยาลัยในการผลิตบุคลากรทางการพยาบาลที่มีคุณภาพสูงเพื่อตอบสนองความต้องการด้านสาธารณสุขของประเทศ

 ในปัจจุบัน (ปีการศึกษา ๒๕๖๗) วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุราษฎร์ธานี เปิดสอนหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิตและหลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาล อันเป็นการสานต่อพันธกิจในการผลิตบุคลากรทางการพยาบาลที่มีความรู้ความสามารถและมีจริยธรรมเพื่อพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศต่อไป